เอาละค่ะ ถึงเวลาที่เราจะมาย้อนยุคกันอีกแล้วนะคะ จากคราวที่แล้ว เราได้คุยกันถึงยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของแมวไปค่ะ นั่นก็คือ ยุคอียิปต์โบราณเมื่อ 4,000 กว่าปีก่อน ค่าาาาาา
เพื่อนๆ พร้อมนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากันต่อรึยังคะ? ถ้าพร้อมแล้ว เราไปลุยกันต่อเล๊ยยยย
หลังจากอียิปต์โบราณล่มสลายไปแล้ว เริ่มเข้าสู่ยุคกลาง…ยุคล่าแม่มด ในยุคนี้ ชาวยุโรปมีความเชื่อเรื่องแม่มดและความชั่วร้ายต่าง ๆ และกล่าวหาว่าแมว(ดำ) เป็นสัตว์เลี้ยงของแม่มด ใครเลี้ยงแมวผู้นั้นจะถูกหาว่าเป็นแม่มด และโดนเผาทั้งเป็นไม่ว่าจะคนหรือแมวก็ตาม ทำให้แมวในยุโรปลดจำนวนลง…เมื่อไม่มีแมว หนูก็ออกอาละวาด ทำให้กาฬโรคระบาดอย่างหนัก
ในยุคใกล้ ๆ กันนี้ ในแถบเอเชียอย่างญี่ปุ่นและจีน เริ่มเลี้ยงแมวมากขึ้น ที่ญี่ปุ่น ใช้แมวเป็นสัญลักษณ์นำโชค เห็นได้จาก “แมวกวัก” ตามร้านค้า จะใช้กวักลูกค้าหรือกวักเงินก็แล้วแต่ท่าทางของแมวกวักตัวนั้น ๆ และจีนก็เชื่อว่าแมวเป็นสัตว์นำโชคเช่นกัน ความเชื่อบางอย่างในประเทศไทยก็มี เช่น หากเห็นแมวล้างหน้า ว่ากันว่า วันนั้นฝนจะตก
ตอนนี้ก็มาถึงบ้านเราแล้วนะคะ ประเทศไทยนิยมเลี้ยงแมวมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยแล้วละค่ะ จนเมื่อ พ.ศ. 2427 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) ทรงพระราชทาน แมววิเชียรมาศแต้มสีครั่งคู่หนึ่ง ให้กับ Mr.Owen Gould ซึ้งเป็นกงศุลอังกฤษประจำกรุงเทพมหานครในขณะนั้น และ Mr.Owen ได้ส่งแมวคู่นั้นให้น้องสาวที่อังกฤษไปเลี้ยงดู
เมื่อปีพ.ศ.2428 แมวไทยคู่นี้ได้รางวัลชนะเลิศการประกวดในงาน The Crystal Palace ที่ประเทศอังกฤษ ทำให้ชาวอังกฤษ นิยมหันมาเลี้ยงแมวไทยกันมากขึ้น และ จนได้จัดตั้ง The Siamese Cat Clubs (พ.ศ 2443) และ The Siamese Cat Society of the Brithish Empire (พ.ศ. 2471) ขึ้นมา
จากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้แมวไทยคู่นี้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วอังกฤษ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นว่าแมวไทยสามารถทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักแก่ประเทศอื่นๆ ทั่วโลก จึงได้พระราชทานแมวไทยให้กับหลายๆ ประเทศ จนแมวไทยและประเทศไทยกลายเป็นที่รู้จักมีชื่อเสียงไปทั่วโลกนั่นเอง
คนไทยเลี้ยงไว้เพื่อใช้จับหนูเหมือนกับชาวอียิปต์ และคนไทยก็นับถือแมวเหมือนกันอีกด้วย เพราะยังมีคำพูดที่ว่า
“หากใครฆ่าแมว 1 ตัว เท่ากับฆ่าเณร 1 องค์”
เอาละค่ะ เรื่องราวการเดินทางของแมวในตอนนี้ก็ได้จบลงแล้วนะคะ คราวหน้าพบกับเรื่องน่ารู้แบบแมวๆ อย่างนี้อีกแน่นอนค่ะ แต่จะเป็นเรื่องอะไรนั้น ต้องคอยติดตามหน้าเว็บของเราให้ดีนะค่าาาาา อิอิ
สำหรับเพื่อนๆ คนไหนอยากอ่านเรื่อง “ประวัติศาสตร์ต้นตระกูลแมว (1)”
[จิ้มไปย้อนอ่าน] ได้เลยค่ะ