จากคราวที่แล้วโน้นนน…CatLikeLove ได้พูดถึงอาหารของน้องแมวไปบ้างแล้วนะคะ แต่ เพื่อนๆ ทราบรึเปล่าคะว่ามีอาหารบ้างชนิดที่ห้ามให้น้องแมว และน้องหมากินเด็ดขาดนะคะ เพราะอาหารบางอย่างอาจทำให้ไม่สบาย และบางครั้งอาจเป็นอันตรายถึงกับชีวิต เนื้อหาวันนี้อาจจะเยอะไปนิด แต่เป็นประโยชน์ และสำคัญมากในการดูแลแมวนะคะ…ว่าแล้วก็ไปดูอาหารต้องห้ามกันเลยค่าาา
“ทูน่า”
ไม่น่าเชื่อแต่จริง!! ไม่ว่าจะเป็นทูน่าสำหรับคน หรือแมว โดยเฉพาะ ทูน่ากระป๋องสำหรับคนลดน้ำหนัก เพราะจะทำให้แมวได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ…การที่ให้แมวกินทูน่าในปริมาณมากเกินไปก็ทำให้เกิดโรคจากสารปรอทได้ ควรให้ปริมาณที่พอเหมาะ
“นมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัว”
อะไรกันนี่!!! จริงอยู่ที่ลูกแมวส่วนใหญ่สามารถที่จะกินนมวัวได้ แต่แมวที่โตแล้วส่วนมากไม่สามารถที่จะย่อยนมวัวได้ ทำให้มันมีปัญหากับระบบการย่อยอาหาร และท้องร่วงได้
“แอลกอฮอล์”
อันนี้แน่นอนอยู่แล้ว เพราะ แอลกอฮอล์จะส่งผลต่อตับ และสมองของแมว เช่นเดียวกับคน วิสกี้ 2 ช้อนชา ก็ทำให้แมว นน. 5 ปอนด์ (2 โลกว่าๆ) โคม่า หรือถึงตายได้ถ้าเพิ่มเป็น 3 ช้อนชา !!!
“คาเฟอีน”
คาเฟอีนในปริมาณมากสามารถทำให้แมวถึงตายได้ โดยที่ไม่มียารักษา แมวจะกระวนกระวาย หายใจถี่ หัวใจสั่น กล้ามเนื้อกระตุก และ ชัก อาหารที่มีคาเฟอีนนอกจากกาแฟ ก็มีพวก โกโก้ ช็อกโกแลต โคล่า รวมทั้ง เครื่องดื่มชูกำลัง
“ช็อกโกแลต”
ช็อกโกแลต มีอันตรายต่อแมวถึงตาย เพราะ สาร theobromine ในช็อกโกแลต เป็นอันตรายต่อแมว ทำให้ หัวใจเต้นผิดปกติ ตัวสั่น ลมชัก และถึงตายในที่สุด
“ลูกกวาด และหมากฝรั่ง”
ของหวานที่มีส่วนผสมของ ไซลิทอล (น้ำตาลแอลกอฮอล์ธรรมชาติชนิดหนึ่ง พบได้จากเปลือกไม้ ) โดยไซลิทอล จะไปทำให้ อินซูลีนในร่างกายแมวเพิ่มปริมาณขึ้น ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดตก นอกจากนี้ ทำให้เกิดภาวะไตวายตามมาภายในเวลาไม่กี่วัน
“กระดูกจากปลา,สัตว์ปีก หรือแหล่งเนื้อสัตว์อื่นๆ”
ให้เกิดการตีบตัน หรือแผลถลอกของระบบทางเดินอาหาร
“เนื้อ และ ปลาดิบ”
เนื่องด้วยอาหารดิบมักจะมีแบคทีเรียทำให้เกิดอาการ อาหารเป็นพิษได้ นอกจากนี้ เอ็มไซน์ ในปลาดิบยังมีฤทธิ์ไปทำลายสารไธอามีน ทำให้แมวมีอาการขาดวิตามิน b1 นำไปสู่อาการ ตัวสั่น และ โคม่าในที่สุด
“ไข่ดิบ”
อาการที่พบคือ อ่อนแรง ขนร่วง ถ้าระดับไวตามิน B ลดลงอย่างมากจะพบว่าแมวเจริญเติบโตช้าและกระดูกมีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติไป แม้ว่าไข่จะมีประโยชน์ทำให้ร่างกายแมวแข็งแรง แต่ไม่ควรให้รับประทานไข่ดิบ เนื่องจากในไข่ดิบมีแบคทีเรีย
“อาหารหมา”
จริงอยู่ที่อาหารหมาไม่ทำอันตรายต่อแมว แต่จะทำให้ แมวขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งจะเป็นผลทำให้แมวร่างกายไม่แข็งแรง เจ็บป่วยง่าย โดยเฉพาะ อาหารลดน้ำหนักของหมา จะทำให้แมว เป็นโรคขาดสารอาหารได้
“ตับ”
ถ้าในปริมาณมากเกินไป จะทำให้เกิด ภาวะวิตามินเอเป็นพิษ ซึ่งจะเป็นอันตรายโดนตรงต่อกระดูกของแมว ทำให้กระดูกข้อต่อ และกระดูกสันหลัง ผิดปกติ เกิดภาวะกระดูกพรุน และยังเป็นอันตรายถึงตายได้อีกด้วย
“หัวหอมและกระเทียม”
มีส่วนประกอบของ thiosulphate ซึ่งมีฤทธิ์ทำลายผนังเซลล์ของเม็ดเลือดแดง ทำให้มีการนำเอา oxygen ไปใช้ไม่เพียงพอ แค่ 2 ชิ้นต่อ 1 อาทิตย์ ก็เป็นปริมาณที่มากพอที่จะทำให้มีอาการ อ่อนแอ เพลีย น้ำหนักลด ซึม ท้องเสีย อาเจียน หัวใจเต้น
“ถั่วแมคคาดิเมีย”
อาการที่พบคือ เป็นไข้ ใจสั่น อาเจียน ปวดท้องรุนแรง ซี่โครงยุบตัว กล้ามเนื้ออ่อนแรงโดยเฉพาะขาหลัง หรือ อาจทำให้สองขาหลังเป็นอัมพาต อาการดังกล่าวจะหายไปหลังกินเป็นเวลา 72 ชั่วโมง นอกจากถั่วแมคคาดิเมียแล้วถั่วอื่นๆก็มีรายงานถึงความเป็นพิษ เนื่องจากมีสาร Phosphorus เป็นจำนวนมากซึ่งจะทำให้เกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้
“มันฝรั่งดิบ”
มันฝรั่งสุกนั้นมีประโยชน์ เนื่องจากเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรต แต่มันฝรั่งดิบโดยเฉพาะมันฝรั่งดิบที่มีสีเขียว จะมีส่วนประกอบพวก solanum alkaloids ซึ่งจะทำให้มีอาการ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย น้ำลายฟูมปาก ถ้ากินในปริมาณมากอาจทำให้เสียชีวิตได้
“อโวคาโด”
เป็นผลไม้ที่มีไขมันมาก ซึ่งจะทำให้เกิดอาการปวดท้องและอาเจียนได้ ถ้ารับประทานในปริมาณมากจะทำให้ตับอ่อนอักเสบ นอกจากนี้ ในอโวคาโดยังมีสาร persin ซึ่งเป็นสารที่ทำให้หัวใจและปอดทำงานล้มเหลวได้
“องุ่นและลูกเกด”
องุ่นหรือลูกเกดเพียง 6 ลูกก็เพียงพอที่จะเป็นอันตรายได้ อาการที่พบคือ อาเจียน ท้องเสีย ไม่อยากอาหาร ปวดท้องรุนแรง อ่อนแรง จนในที่สุดทำให้ไตวายและเสียชีวิตตามมาได้
“มะเขือเทศ”
มะเขือเทศดิบเป็นอันตรายมากกกว่ามะเขือเทศสุก เนื่องจากมีสาร atropine ซึ่งอาการที่พบคือ ม่านตาขยาย ใจสั่น หัวใจเต้นเร็วและแรงกว่าปกติ
“เกลือและน้ำปลา”
อาหารที่ปรุงเองโดยการใส่เกลือหรือน้ำปลาเข้าไปเพื่อให้มีความน่ากิน การใส่เกลือหรือน้ำปลาเข้าไปในปริมาณที่มากนอกจากทำให้เป็นโรคไตแล้ว ยังก่อให้เกิดโรคตับอ่อนอักเสบ โรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร และยังทำให้เกิดการสะสมแก็สในกระเพาะอาหารเป็นจำนวนมากอีกด้วย
อาหารบางอย่างไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าจะมีอันตรายต่อน้องแมว ต่อไปนี้เพื่อนๆ ก็ต้องระวังไม่ให้น้องแมวกินอาหารที่กล่าวไว้ข้างต้น เพื่อแมวจะได้มีสุขภาพที่ดี แข็งแรง และอยู่กับเราไปนานๆ ค่ะ
สำหรับเพื่อนๆ คนไหนสนใจอ่าน บทความ “เลือกอาหารให้แมวยังไงดีน้อออ ???”
[จิ้มไปย้อนอ่าน] ได้เลยค่ะ
ขอขอบคุณ ข้อมูลอ้างอิงจาก
บทความของ Audrey Cook, BVM&S, Dip ACVIM
และ โรงพยาบาลสัตว์เพื่อการเรียนการสอนแห่งมหาวิทยาลัยมหิดล